บริการสมาชิก
บริการดิจิทัล
แผนการลงทุน
ออมเพิ่ม
ออมต่อ
สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก
ศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงิน
ความรู้คู่การออม
ปฏิทินกิจกรรม
วารสาร กบข.
แบบฟอร์มต่างๆ
คู่มือหรือมาตรฐานการให้บริการ
หน้าหลัก
ตำแหน่งที่เปิดรับ
กรอกใบสมัคร
สรุปผลการจัดซื้อ-จัดจ้าง
วิเคราะห์ผลการจัดซื้อจัดจ้าง
ประกาศจำหน่ายทรัพย์สิน
MCS Web
แบบฟอร์ม
งาน กบข.
กิจกรรมต่าง ๆ
ภาพบริการสมาชิก

รีไฟแนนซ์ ต้องตัดสินใจอย่างไร





           


สำหรับผู้ที่มีการกู้สินเชื่อบ้าน ในช่วงแรกของการกู้นั้นอาจมีดอกเบี้ยต่ำและเป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ 1 ปีแรก 2 ปีแรก หรือดอกเบี้ยคงที่ทั้ง 3 ปี แต่หลังจากนั้นดอกเบี้ยจะปรับเป็นดอกเบี้ยแบบลอยตัวและมักจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกว่าในช่วง 3 ปีแรกของการกู้ โดยอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวนั้นจะมีการระบุในสัญญาเป็นลักษณะที่มีดอกเบี้ยอ้างอิง (MRR) ตัวอย่าง ในช่วง 3 ปีแรกของการกู้มีภาระดอกเบี้ยคงที่ 3% แต่เมื่อครบ 3 ปีแล้วดอกเบี้ยจะปรับขึ้นมาเป็น MRR-2% หมายถึงถ้า MRR ของธนาคารที่กู้นั้นคือ 7% จะทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ในอัตราใหม่ที่ 5% (7%-2%) ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเรามีวิธีที่จะประหยัดดอกเบี้ยได้ 2 วิธีคือ การทำเรื่องขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม (Retention) ซึ่งอาจจะขอลดได้บ้างเล็กน้อยหรือไม่สามารถขอลดดอกเบี้ยได้ เนื่องจากบางธนาคารนั้นไม่มีนโยบายลดดอกเบี้ยให้กับลูกค้าเดิม แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่จะกล่าวถึงในบทความนี้นั่นก็คือการรีไฟแนนซ์

 

การรีไฟแนนซ์ คืออะไร

การรีไฟแนนซ์ (Refinance) เป็นการขอกู้เงินจากธนาคารใหม่ เพื่อนำไปชำระหนี้เดิมที่มีอยู่กับธนาคารเดิม แล้วย้ายมาผ่อนชำระกับธนาคารแห่งใหม่แทน โดยเราจะประหยัดรายจ่าย เนื่องจากได้รับสินเชื่อใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยน้อยลงกว่าเดิม เรายังสามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนให้ยาวออกไปได้อีก ซึ่งจะทำให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลง โดยที่หากช่วยไหนมีเงินเหลือก็สามารถผ่อนได้มากกว่าขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนด

 

สิ่งที่ต้องเช็คก่อนรีไฟแนนซ์ให้ดู 2 เรื่อง

เรื่องแรก ดูเงื่อนไขสัญญาก่อนรีไฟแนนซ์ ส่วนใหญ่ธนาคารจะระบุลงไปในสัญญาเงินกู้เลยว่า ภายใน 3 ปี (หรือ 5 ปี) นับจากวันที่ทำสัญญา หากผู้กู้ชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยหมดก่อนเวลาที่กำหนด โดยนำเงินกู้จากธนาคารอื่นมาชำระหนี้ (Refinance) ผู้กู้จะต้องชำระค่าธรรมเนียมซึ่งอาจสูงถึงร้อยละ 3 ของยอดหนี้คงค้าง ดังนั้นต้องระวังเรื่อง การผิดข้อตกลงในสัญญาจะทำให้ต้องเสียค่าปรับ

 

เรื่องที่สอง เปรียบอัตราดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของแต่ละสถาบันการเงิน โดยปัจจัยสำคัญสำหรับการรีไฟแนนซ์คือ “อัตราดอกเบี้ย” ซึ่งหากสามารถหาสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยได้ยิ่งต่ำยิ่งดี สำหรับการเปรียบเทียบดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารสามารถสอบถามได้จากสาขา หรือเช็คข้อมูลได้จากเว็บไซต์สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ส่วนสมาชิก กบข. นั้นสามารถนัดหมายสอบถาม ศูนย์ข้อมูลการเงิน กบข. ได้ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของการรีไฟแนนซ์ ได้แก่ ค่าประเมินราคาบ้าน (ประมาณ 3,000 บาท ) ค่าจดจำนอง จ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้ ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน ค่าประกันอัคคีภัย (โดยปกติต้องทำทุก 1-3 ปี) อาจมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของธนาคาร และเมื่อรวมค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้ว การกู้กับธนาคารไหนประหยัดได้มากที่สุดก็ควรเลือกกู้กับธนาคารนั้น อีกทั้งมีธนาคารหลายแห่งที่เสนอข้อตกลงพิเศษเพิ่มมาอีก เช่น ฟรีค่าประเมิน ฟรีค่าจดจำนอง เป็นต้น ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ลดลงนี่เอง จะทำให้ผู้ที่รีไฟแนนซ์ได้รับประโยชน์ โดยดูรายละเอียดได้ดังนี้

 

แนวทางการคำนวณความคุ้มค่าการรีไฟแนนซ์

ตัวอย่าง เรามีหนี้บ้านที่ผ่อนกับธนาคาร ก. มาครบกำหนด 3 ปีแล้ว มียอดหนี้คงค้างอยู่ที่ 2 ล้านบาท กำลังพิจารณาเรื่องการรีไฟแนนซ์ โดยจะกู้ธนาคาร ข. ในวงเงินเท่ากับยอดหนี้เดิม โดยให้มีระยะเวลาการผ่อนไม่เกิน 20 ปี โดยจะคำนวณค่าใช้จ่ายเฉพาะในช่วง 3 ปีแรกของการกู้เท่านั้น เนื่องจากหลังจากนี้จะเปรียบเทียบเพื่อรีไฟแนนซ์รอบใหม่อีกครั้ง

 

กรณีที่ (1) ผ่อนต่อกับธนาคาร ก. โดยที่ไม่สนใจรีไฟแนนซ์ โดยธนาคาร ก. ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็น 5% ต่อปี ผ่อนเดือนละประมาณ 13,200 บาท ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ไปประมาณ 286,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายประกันอัคคีภัย (3 ปี) อีก 5,000 บาท มีค่าใช้จ่ายรวมคือ 291,000 บาท

 

กรณีที่ (2) รีไฟแนนซ์กับ ธนาคาร ข. อัตราดอกเบี้ย 3% ผ่อนเดือนละประมาณ 13,200 บาทเท่ากัน ในช่วง 3 ปีแรกจะมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยประมาณ 170,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้แก่ ค่าประเมินราคาบ้าน 3,000 บาท, ค่าจดจำนองจ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้ จำนวน 20,000 บาท ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน 1,000 บาท ค่าประกันอัคคีภัย (3 ปี) 5,000 บาท มีค่าใช้จ่ายรวมคือ 199,000 บาท

 

แม้จะมีความยุ่งยากในการทำเอกสารบ้าง แต่จะเห็นจากตัวอย่างได้ว่าการรีไฟแนนซ์นั้นสามารถทำให้ประหยัดเงินในช่วง 3 ปีได้ถึง 92,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งผู้ที่สนใจรีไฟแนนซ์ควรต้อง (1) ตรวจสอบเงื่อนไขการรีไฟแนนซ์กับสัญญาเงินกู้เดิม (2) เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายทั้งจากดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของแต่ละสถาบันการเงิน (3) ศึกษาเงื่อนไขรายละเอียดของสัญญาเงินกู้ใหม่ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์นะครับ

 

สำหรับสมาชิก กบข. ที่ต้องการปรึกษาเรื่องการบริหารจัดการหนี้ สามารถนัดหมายศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงิน กบข. ได้ที่ My GPF Application เมนู “นัดหมายปรึกษา” หรืออีเมล fa@gpf.or.th