เมื่อถึงวันเกษียณสิ่งที่ควรทำอันดับแรกๆ คือ การรวบรวมเงินออมและทรัพย์สินที่สะสมมาจากแหล่งเงินออมต่างๆ
เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
รวมถึงแหล่งเงินได้ต่างๆที่จะได้รับหลังเกษียณ เช่น รายได้ค่าเช่า
รับจ้างเป็นที่ปรึกษา หรือทำงานอดิเรกที่สร้างรายได้ เป็นต้น เพื่อวางแผนและจัดทำงบประมาณการถอนเงินใช้ให้อย่างเพียงพอจนสิ้นอายุขัย
สำหรับข้าราชการที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(กบข.)
นอกจากจะได้รับเงินบำนาญจากกระทรวงการคลังเป็นรายเดือนจนกว่าจะสิ้นอายุขัยแล้ว
ยังมีเงินลงทุนที่สะสมไว้กับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งสมาชิกสามารถเลือกได้ว่าจะรับเป็นเงินก้อนทันทีเมื่อออกจากราชการหรือจะเลือกออมต่อกับ
กบข. ทำให้เงินงอกเงยต่อเนื่อง
เมื่อสมาชิกต้องการใช้เงินก็สามารถขายหน่วยลงทุนเปลี่ยนเป็นเงินรายเดือน รายปี
หรือทยอยรับเป็นเงินก้อนบางส่วนได้
แต่หากท่านใดที่เกษียณแล้วยังมีภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
ทำให้เงินรายได้หลังเกษียณ หรือเงินบำนาญที่ได้รับและเงินออมที่สะสมมาไม่เพียงพอ
ควรรีบวางแผนสำรองก่อนแต่เนิ่นๆ เช่น ขายสินทรัพย์เปลี่ยนเป็นเงิน หรือ
อาจจำเป็นต้องขายบ้านที่อยู่อาศัยเปลี่ยนเป็นบ้านหลังใหม่ที่เล็กลง หากท่านใดไม่อยากย้ายออกจากบ้านเดิมหรือไม่จำเป็นต้องเก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน
แต่เงินออมที่มีก็ไม่เพียงพอ จะขอเงินสินเชื่อใหม่ก็ไม่ได้
ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินทางเลือกใหม่เกิดขึ้น คือ Reverse
Mortgage หรือ สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ
โดยผู้กู้ยังอาศัยอยู่ในบ้านได้เหมือนเดิม
สินเชื่อนี้จะแตกต่างจากสินเชื่อบ้านทั่วไปที่เราคุ้นเคย
เนื่องจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เมื่อผู้กู้ขอสินเชื่อกับธนาคาร
ธนาคารจะนำเงินไปจ่ายค่าซื้อบ้านกับผู้ขายหรือโครงการแทนผู้กู้
โดยผู้กู้จะต้องนำบ้านจดจำนองกับธนาคารและต้องจ่ายค่างวดบ้านทุกเดือนพร้อมดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
เมื่อชำระได้ครบตามสัญญาบ้านจึงจะเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้กู้
แต่สำหรับ Reverse Mortgage กลับตรงกันข้ามคือ เมื่อนำบ้านที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา ไปจดจำนองกับธนาคาร
ธนาคารจะพิจารณาวงเงินให้ไม่เกิน 70%ของราคาประเมิน โดยทยอยให้เงินกับผู้กู้เป็นรายงวด
และคิดดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ผู้กู้สามารถเลือกรับได้ว่าจะรับเป็นรายเดือนหรือรายปีต่อเนื่องจนสิ้นสุดสัญญาเมื่อผู้กู้อายุประมาณ
80-85 ปี หรือจนกว่าผู้กู้จะสิ้นอายุขัย
หากผู้กู้เสียชีวิตก่อน สิ้นสุดสัญญา ธนาคารจะนำบ้านขายทอดตลาด
แล้วนำมูลค่าที่ขายได้หักเฉพาะเงินต้นไม่รวมดอกเบี้ยที่ธนาคารเคยให้กับผู้กู้แล้ว
เหลือเงินเท่าไหร่ก็จะส่งต่อให้กับทายาทหรือตามที่พินัยกรรมกำหนดไว้
แต่หากสิ้นสุดสัญญาแล้วผู้กู้ยังมีชีวิตอยู่
เมื่อสิ้นสุดสัญญาบ้านจะเป็นกรมสิทธิ์ของธนาคาร ธนาคารมีสิทธิ์ให้ออกจากบ้านหลังนี้และขายบ้านทอดตลาด
แต่ทั้งนี้บางธนาคารเปิดโอกาสให้ผู้กู้อยู่ต่อได้โดยมีเงื่อนไข
หรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ซึ่งประเด็นนี้เป็นปัจจัยหนึ่งผู้กู้ต้องศึกษารายละเอียดในสัญญาและยอมรับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้
ดังนั้นเมื่อเกษียณแล้วควรรีบทบทวนเงินออมหรือเงินลงทุนที่มีและวางแผนการใช้จ่าย
เมื่อพบว่าเงินที่มีจะไม่เพียงพอ ควรวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ หรือหากจะพิจารณาเลือกใช้
Reverse
Mortgage เป็นทางเลือก
ระหว่างที่ได้เงินมาควรบริหารจัดการเงินให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น
รีบจัดการหนี้ให้หมดเร็วที่สุด หาวิธีลดดอกเบี้ยให้มากที่สุด
หรือควรประหยัดค่าใช้จ่าย
เพื่อปลดพันธนาการก่อนสัญญาจะสิ้นสุดจะได้มีอิสรภาพทางการเงินและอาศัยอยู่กับญาติสนิทหรือลูกหลานได้อย่างสบายในบั้นปลายของชีวิต
สำหรับสมาชิก
กบข.หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
สามารถนัดหมาย ศูนย์ข้อมูลการเงิน ได้ที่ My GPF Application