จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย รวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ส่งผลให้เกิดวิกฤตราคาน้ำมัน และยังทำให้ราคาสินค้าทั้งอุปโภค-บริโภคปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน จนเกิดภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังไม่มีแนวโน้มจะลดลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง สิ่งที่หลายคนต้องพบเจอและกังวลใจคงหนีไม่พ้นเรื่องความผันผวนในตลาดการลงทุน แม้นักลงทุนหลายท่านมองว่าการปรับพอร์ตการลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์เป็นสิ่งที่จำเป็นท่ามกลางความผันผวนจากสถานการณ์ดังกล่าว แต่การปรับพอร์ตการลงทุนตามจังหวะการลงทุนบ่อยเกินไปอาจจะทำให้ผิดพลาดได้ ดังนั้นวิธีการลงทุนที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งคือการจัดพอร์ตการลงทุนโดยมุ่งหวังผลตอบแทนในระยะยาว แม้ในระยะสั้นพอร์ตการลงทุนอาจจะไม่สอดคล้องกับภาวะตลาด ทำให้เห็นผลตอบแทนช้ากว่า แต่การลงทุนระยาวก็สามารถเอาชนะตลาดและมีโอกาสทำให้เงินลงทุนเพิ่มมูลค่าในอนาคตได้
เพราะไม่มีสินทรัพย์ลงทุนใดที่ให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุดหรือแย่ที่สุดตลอดเวลา ทุกสินทรัพย์ล้วนปรับเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหวของวัฎจักรเศรษฐกิจ ซึ่งแต่ละสินทรัพย์การลงทุนจะมีช่วงเวลาทองที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนแตกต่างกัน ดังนั้นการลงทุนในระยาว ที่ต้องอาศัยวินัยและความสม่ำเสมอในการลงทุน ก็จะสามารถทำให้เป้าหมายการลงทุนของเราสำเร็จได้ง่ายมากกว่าการจับจังหวะการลงทุนในระยะสั้น เนื่องจากผลตอบแทนของการลงทุนระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้อาจตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย
3 ปัจจัยหลักของการลงทุนระยะยาว
ปัจจัยที่ 1 เงินลงทุน (เงินต้น) ยิ่งมีเงินต้นในการลงทุนจำนวนมาก ก็ย่อมมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มาก แต่หากมีเงินต้นในการลงทุนไม่มาก อาจใช้วิธีลงทุนแบบทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยเพิ่มเงินต้นได้เช่นกัน
ปัจจัยที่ 2 ระยะเวลาในการลงทุน ถ้าเริ่มต้นลงทุนให้เร็ว ก็ยิ่งมีเวลาให้เงินทำงานหรือเพิ่มผลตอบแทนได้มากขึ้น ยิ่งนานเท่าไหร่ก็มีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนมากขึ้นเท่านั้น
ปัจจัยที่ 3 อัตราผลตอบแทนที่จะช่วยให้เงินเติบโตขึ้น “เงินต้น” เพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถทำให้เงินของเรางอกเงยได้มากเท่ากับการนำผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนหรือกำไรที่ได้รับไปลงทุนต่อ (Reinvest) เป็นการนำผลตอบแทนกลับไปเพิ่มเป็นเงินลงทุน ยิ่งเพิ่มเงินลงทุนที่สูงขึ้นก็จะทำให้เงินเพิ่มขึ้นได้หลายเท่าตัว
การลงทุนระยาว แม้ผลตอบแทนทบต้นในช่วงแรกจะดูน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป พลังของเงินต้นและผลตอบแทนจะทบทวีตัวเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ลงทุนเดือนละ 1,000 บาท ลงทุนสม่ำเสมอทุกเดือน เป็นเวลา 10 ปี โดยได้รับผลตอบแทนต่อปีละ 6% ผ่านไป 10 ปี หลักการแบบผลตอบแทนทบต้น คือไม่มีการถอนเงินออกมาจากการลงทุนเลย คุณจะมีเงิน 163,879 บาท นั่นคือเงินต้น 120,000 บาท และ 43,873 มาจากผลตอบแทนจากการลงทุน จะเห็นว่าจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินต้นที่ลงทุนเข้าไปทุกเดือนบวกกับผลตอบแทนที่ได้รับในปีแรก และถูกนำไปลงทุนต่อคิดผลตอบแทนในปีถัดไปตามระยะเวลาที่ลงทุน ถ้ายังคงลงทุนต่อไปไม่หยุด เงินต้นก็จะเพิ่มขึ้น ผลตอบแทนที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ประโยชน์ที่สำคัญของการลงทุนระยะยาว คือ มีเวลามากขึ้นสำหรับการสะสมผลตอบแทนทบต้น ยิ่งออมเร็วและออมนานมากเท่าไหร่ ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะทวีคูณเติบโตทบต้นเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
เริ่มต้นลงทุนระยะยาวด้วยการลงทุนแบบ DCA
ทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาวด้วยการลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) เป็นการลงรูปแบบหนึ่งในลักษณะทยอยลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกงวด ตามความถี่ที่กำหนดไว้ เช่น รายสัปดาห์ หรือ รายเดือน โดยไม่สนใจราคาหุ้น ณ ตอนนั้นว่าสูงหรือต่ำ เมื่อลงทุนไปเรื่อย ๆ ก็จะได้ราคาค่าเฉลี่ยของหุ้นหรือราคาของสินทรัพย์ที่ลงทุนนั้น ซึ่งไม่แน่ว่าสุดท้ายอาจจะต่ำกว่าราคาตลาด ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งก็เป็นได้ จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และถึงแม้การลงทุนแบบ DCA จะไม่ได้กำไรสูงสุด แต่ก็ช่วยลดโอกาสหรือความเสี่ยงจากการขาดทุนแบบกู่ไม่กลับได้
ประโยชน์ของการลงทุนระยะยาว
การลงทุนในระยะยาวจะช่วยลดความผันผวนของตลาด คนที่ลงทุนระยะยาวจะให้ความสนใจกับผลประกอบการมากกว่าราคาหุ้นหรือมูลค่าต่อหน่วย (NAV/Unit) ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ
การลงทุนระยะยาวจะมีพลังวิเศษที่เรียกว่า “พลังของผลตอบแทน” หรือ “ดอกเบี้ยทบต้น” ข้อดีอย่างหนึ่งของการลงทุนระยะยาว คือ ศักยภาพในการทบต้น ยิ่งลงทุนอยู่นานเท่าไร โอกาสในการทบต้นและการเติบโตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
การลงทุนระยะยาวเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนเล็กน้อย การลงทุนระยะยาวไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ๆ ยิ่งเริ่มต้นเร็วจำนวนเงินในการลงทุนก็จะไม่สูงมากนักเพราะมีระยะเวลาในการเก็บออมที่ยาวกว่านั่นเอง เช่น ต้องการเก็บเงิน 1 ล้านบาท ณ วันเกษียณ เริ่มตั้งแต่อายุ 30 ปี นำเงินไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทน 5% เราจะใช้เงินลงทุนเดือนละ 1,200 บาท หากมาเริ่มออมตอนอายุ 45 ปี จะต้องใช้เงินลงทุนเดือนละ 3,700 บาท เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน
การลงทุนระยาวสามารถป้องกันความเสี่ยงโดยการกระจายพอร์ตการลงทุน ตามคำกล่าวที่ว่า “Don't put all your eggs in one basket” หรือ “อย่าใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” นั่นเอง การจัดสรรพอร์ตการลงทุนโดยกระจายการลงทุนไปในหลักทรัพย์ที่หลากหลายอย่างเหมาะสม จึงเป็นวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในระยะสั้นและมุ่งหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาวได้
การลงทุนระยาวสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ในการลงทุนระยะยาวเราสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ตามวัตถุประสงค์หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น การเปลี่ยนแปลงของสถานะทางการเงิน อายุที่มากขึ้น ระดับความเสี่ยงที่รับได้ลดลง หรือเป้าหมายที่เปลี่ยนไป เป็นต้น การตรวจสอบและปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายอยู่เสมอจะทำให้แน่ใจว่าการลงทุนนั้นยังคงเป็นไปตามแผนหรือเป้าหมายระยะยาวที่วางไว้หรือไม่
การลงทุนระยะยาวช่วยในการลดหย่อนภาษีได้ จำนวนเงินที่นำไปลงทุนระยะยาว เช่น การลงทุนในกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) เป็นต้น การลงทุนรูปแบบนี้เงินลงทุนจะนำมาลดหย่อนภาษีได้ และผลตอบแทนหรือกำไรที่ได้จากการลงทุนระยะยาวยังจะได้รับการยกเว้นภาษีอีกด้วย
แม้ว่าเป้าหมายการลงทุนระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ระยะสั้นนั้นก็ผันผวนมากเช่นเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ตลาดย่ำแย่นั้นเรามักจะได้ยินแต่ข่าวร้ายที่เกิดจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับตัวในทิศทางลดลง และมีโอกาสที่จะเผชิญกับผลตอบแทนลดน้อยลงหรือผลตอบแทนติดลบเต็มไปหมด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความกังวลใจหรือหวั่นไหว และทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ การที่จะอยู่กับสภาวะตลาดผันผวนได้นั้น สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจและยอมรับว่าความผันผวนจากการลงทุนนั้นเป็นเรื่องปกติ และเป็นธรรมชาติของตลาดลงทุน ก็จะทำให้ไม่ตื่นตระหนกหรือหวั่นไหวกับความผันผวนที่เกิดขึ้นในระยะสั้น หรือ ลดความกังวลใจลงได้ด้วยความเข้าใจ อีกทั้งการจดจ่อกับเป้าหมายการลงทุนระยะยาวจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนรับมือกับสถานการณ์ความผันผวนของตลาดที่เกิดขึ้นได้อย่างมีเหตุมีผล และประเมินสถานการณ์ก่อนตัดสินใจได้อย่างดี ดังนั้น ในยามตลาดผันผวนจงอย่ากลัวที่จะลงทุน เพราะในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ…