ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญากับ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ 2 ราย ฐานเป็นผู้สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐในการเรียกรับสินบนจาก บจก. มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ (MHPS) เพื่อแลกกับการอนุญาตให้ใช้ท่าเทียบเรือชั่วคราวบริเวณโรงไฟฟ้าขนอมเพื่อขนถ่ายชิ้นส่วนของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยไม่ชอบนั้น
จากกรณีดังกล่าว กบข. มีการดำเนินการ ดังนี้
การดำเนินการตามแนวปฏิบัติการระงับการลงทุน (Negative List Guideline)
แนวปฏิบัติการระงับการลงทุนจะพิจารณาใน 2 ประเด็น คือ 1) กรณีที่เป็นการประกอบธุรกิจหรือบริหารกิจการที่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อปัจจัยด้าน ESG อย่างมีนัยสำคัญ (Material Adverse Impact) และ 2) กรณีที่เป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในเรื่องร้ายแรง ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ยังไม่ถือว่าเข้าข่ายที่จะต้องดำเนินการตามแนวปฏิบัติการระงับการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน
การดำเนินงานของ กบข.
ในฐานะนักลงทุนสถาบัน กบข. ให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างรับผิดชอบ กบข. พิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและกฎเกณฑ์ภายในที่เกี่ยวข้อง สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ กบข. ได้ดำเนินการตามกฎเกณฑ์ภายใน คือ ชะลอการลงทุนเพิ่มในบริษัทเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จ นอกจากนี้ กบข. ได้เข้ารับฟังการชี้แจงของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าสามารถชี้แจงแสดงหลักฐานโต้แย้งการถูกกล่าวหาข้างต้นได้ และบริษัทฯ ยังมีฐานะเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบเท่าที่ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลจนถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม กบข. จะติดตามความคืบหน้าของกรณีนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ