คำถามพบบ่อย

การบริหารความเสี่ยง

รายงานผลการดำเนินงาน

ข่าวสารและกิจกรรม

ติดต่อเรา

My GPF & My GPF Twins

Q : เมนู My GPF & My GPF Twins คืออะไร?
- A : เมนูคำนวณประมาณการเงิน กบข. (My GPF) เพื่อช่วยให้สมาชิกวางแผนเกษียณได้แม่นยำยิ่งขึ้นจากข้อมูลสมมติฐานที่สมาชิกกรอกเอง ได้แก่ อัตราขึ้นเงินเดือน เพดานเงินเดือน อายุหรือปีที่คาดว่าจะเกษียณ โดยคำนวณร่วมกับอัตราการออมและแผนการลงทุนปัจจุบันของสมาชิก โดยเมนูนี้ยังมีจุดเด่น ดังนี้
Q : My Twin 1 ต่างกับ My Twin 2 อย่างไร?
- A : My Twin 1 คือ ประมาณการเงิน กบข. ของ Twin ที่สมาชิกลองปรับได้ตามใจ ไม่กระทบยอดเงินจริง สร้าง my Twin 1 ได้สูงสุด 3 แบบ
  My Twin 2 คือ ประมาณการเงิน กบข. ของ Twin ที่ กบข. ออกแบบให้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เลือก My Twin 2 ได้สูงสุด 3 แบบจากทางเลือกหลากหลายที่ กบข. ออกแบบให้
Q : ประมาณการเงิน กบข. ที่แอปคำนวณให้ จะได้ตอนเกษียณตามนี้เลยหรือไม่?
- A : ยอดเงินที่แสดงเป็นยอดเงินประมาณการตามสมมติฐานซึ่งอาจจะไม่ใช่ยอดเงินที่สมาชิกได้รับจริง ณ วันเกษียณ ซึ่งการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการลงทุนอาจมีความผันผวนขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ สถานการณ์การลงทุน และข้อมูลที่ใช้ในการคํานวณในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้น กบข. จึงไม่ได้รับประกันว่า จํานวนเงิน กบข. ที่ได้จากการประมวลผลด้วย แอปพลิเคชันของ กบข. จะเป็นจํานวนเงินที่สมาชิกจะได้รับจริงเมื่อสมาชิกออกจากราชการ
Q : ถ้าทดลองปรับอัตราออมเพิ่ม และ แผนการลงทุนใน My Twin 1 จะกระทบกับยอดเงินในปัจจุบันหรือไม่?
- A : ไม่กระทบกับยอดเงินจริงของสมาชิก เป็นเพียงการทดลองปรับอัตราออมเพิ่มและทดลองเลือกแผนการลงทุนเพื่อดูประมาณการเงิน กบข. เท่านั้น
Q : ถ้าเลือกทางเลือกตามที่ กบข. ออกแบบให้ใน My Twin 2 จะกระทบกับยอดเงินหรือแผนการลงทุนในปัจจุบันหรือไม่?
- A : ไม่กระทบกับยอดเงินจริงหรือแผนการลงทุนของสมาชิก เป็นเพียงการเลือกดูทางเลือกตามเป้าหมายที่สมาชิกตั้งไว้ เพื่อดูประมาณการเงิน กบข. เท่านั้น
Q : ประมาณการเงิน กบข. ที่เปรียบเทียบกับเพื่อนสมาชิกใช้เกณฑ์อะไรบ้าง?
- A : คำนวณจากข้อมูลสมาชิกที่บรรจุเข้ารับราชการปีเดียวกัน จะเกษียณอายุปีเดียวกัน และมีเงินเดือนใกล้เคียงกับสมาชิก
Q : เมนู My GPF & My GPF Twins เลือกอายุที่จะเกษียณเองได้หรือไม่?
- A : สมาชิกสามารถเลือกอายุเกษียณได้ด้วยตนเอง
Q : ทำไมต้องกรอกหนี้สิน?
- A : หนี้สินเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดว่า เงินก้อน กบข. ที่สมาชิกจะได้รับ ณ วันเกษียณนั้นเพียงพอสำหรับหนี้สินหรือไม่ ดังนั้น สมาชิกจึงควรรู้สัดส่วนหนี้สินของตนเองให้ชัดเจนว่า มีหนี้สินคิดเป็นกี่เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับประมาณการเงิน กบข. ที่จะได้รับ ณ วันเกษียณ
Q : ถ้าเคยสร้าง My GPF หรือ My Twin แล้ว จะได้รับ GPF Point อีกหรือไม่?
- A : สมาชิกจะได้รับ GPF Point ด้วย (สำหรับการสร้าง My GPF , My Twin 1 และ My Twin 2 ครั้งแรก) เพราะถือว่าเป็นการติดตามและทบทวนประมาณการเงิน กบข. ณ วันเกษียณของตนเองอีกครั้ง จากข้อมูลสมมติฐานที่เปลี่ยนแปลงไป
Q : สร้าง My GPF หรือ My Twin1 หรือ My Twin 2 แล้วจะได้กี่คะแนน?
- A : สมาชิกรับ GPF Point รวม 50 คะแนนต่อคน ดังนี้ สร้าง My GPF รับ 10 คะแนนต่อคน , สร้าง My Twin 1 รับ 20 คะแนนต่อคน และ สร้าง My Twin 2 รับ 20 คะแนนต่อคน ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 หรือตามเงื่อนไขที่ กบข. กำหนด
Q : เข้าใช้งานเมนู My GPF & My GPF Twins ได้ที่ไหน?
- A : เมนู My GPF & My GPF Twins เข้าใช้งานได้ที่ My GPF Application

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ

Q : สมาชิก กบข. มีสิทธิได้รับบำนาญหรือไม่
- A : สมาชิกยังคงมีสิทธิรับบำนาญตามระเบียบราชการเช่นเดิม
Q : กรณีสมาชิกลาออกจากราชการ หรือเกษียณอายุจะได้รับเงินอะไรจาก กบข.
- A : กรณีสมาชิกลาออกจากราชการ หรือเกษียณอายุ จะได้รับเงินจาก กบข. ตามสิทธิ ดังนี้
  - กรณีมีสิทธิและเลือกรับบำนาญ ได้รับเงินประเดิม (ถ้ามี) เงินชดเชย เงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าวจาก กบข.
  - กรณีมีสิทธิรับบำเหน็จหรือไม่มีสิทธิรับบำเหน็จบำนาญ ได้รับเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าวจาก กบข.
Q : ทำไมกรณีสมาชิกเสียชีวิตหรือรับบำเหน็จ จึงไม่ได้เงินประเดิม (ถ้ามี) และเงินชดเชย
- A : เนื่องจากเงินประเดิม (ถ้ามี) กับเงินชดเชยจะจ่ายให้กับผู้รับบำนาญ เพื่อชดเชยส่วนต่างของบำนาญที่ลดลง เพราะมีการเปลี่ยนสูตรการคำนวณ แต่สำหรับกรณีผู้เสียชีวิตที่เป็นสมาชิก กบข. หรือไม่เป็นสมาชิก กบข. ก็ใช้สูตรบำเหน็จตกทอดแบบเดียวกัน ไม่เกิดส่วนต่างใด ๆ รัฐจึงไม่ได้ให้เงินประเดิม (ถ้ามี) กับเงินชดเชย
Q : ต้องการระบุผู้รับผลประโยชน์ในการรับเงิน กบข.ได้หรือไม่
- A : สมาชิกไม่สามารถระบุผู้รับผลประโยชน์ได้ หากสมาชิกเสียชีวิตผู้มีสิทธิรับเงิน กบข. ได้แก่ ผู้จัดการมรดก หรือทายาทโดยธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

การลาออกจากการเป็นสมาชิก

แผนทางเลือกการลงทุน

Q : สมาชิก กบข. ต้องการเปลี่ยนแผนการลงทุนจะต้องดำเนินการอย่างไร
- A : สมาชิกแจ้งความประสงค์เปลี่ยนแปลงแผนการลงทุนได้ผ่านช่องทางดังนี้
  1. ผ่านบริการ My GPF Website เมนู “เลือกแผนการลงทุน”
  2. ผ่านบริการ My GPF Application เมนู “เลือกแผนการลงทุน”
  3. ผ่านบริการ LINE กบข. @gpfcommunity เมนู "เลือกแผนการลงทุน"
  4. แจ้งผ่านแบบแสดงความประสงค์เลือกหรือเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุน แล้วจัดส่งแบบแสดงความประสงค์ดังกล่าวพร้อม สำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาบัตรข้าราชการ ที่ลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน มาที่ ตู้ ปณ.12 ปณ.สาทร กรุงเทพฯ 10341
Q : กบข. จะเปลี่ยนแผนการลงทุนให้สมาชิกเมื่อใด
- A : เมื่อ กบข. ได้รับแบบแสดงความประสงค์ที่ถูกต้องครบถ้วนของสมาชิกแล้ว ก็จะดำเนินการตามความประสงค์ของสมาชิกโดย
  - หากได้รับข้อมูลถูกต้องครบถ้วนภายในเวลา 15:30 น. แผนการลงทุนจะถูกเปลี่ยนภายในวันทำการ
  - หากได้รับข้อมูลหลังจากเวลา 15.30 น. แผนการลงทุนจะถูกเปลี่ยนในวันทำการถัดไป
    กรณีข้างต้นนี้ไม่รวมแผนมุ่งคุ้มครองเงินต้น 1
Q : สมาชิกสามารถนำเงินทั้งหมดที่มีอยู่ในกองทุนเปลี่ยนแผนการลงทุนที่ระบุไว้ได้หรือไม่
- A : เมื่อสมาชิกเลือกหรือเปลี่ยนแผนการลงทุน จะมีผลต่อเงินทุกประเภทในบัญชีรายบุคคล ประกอบด้วย เงินสะสม เงินออมเพิ่ม (ถ้ามี) เงินสมทบ เงินชดเชย และเงินประเดิม (ถ้ามี) โดยหากสมาชิกท่านใดไม่ได้เลือกแผนการลงทุนด้วยตัวเอง เงินทั้งหมดจะถูกนำไปลงทุนตามนโยบายของแผนหลัก กบข. ตามที่กฎหมายกำหนด
- กรณีสมาชิกบรรจุใหม่ หากไม่ใช้สิทธิเลือกแผนการลงทุน กบข. จะกำหนดแผนการลงทุนเริ่มแรกเป็น “แผนสมดุลตามอายุ” (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป)
Q : สมาชิกสามารถเปลี่ยนแผนการลงทุนได้ปีละกี่ครั้ง
- A : 12 ครั้ง ในปีปฏิทิน โดยสมาชิกจะยื่นแบบแสดงความประสงค์เลือกหรือเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุนในเดือนใดก็ได้

ใบแจ้งยอดเงิน

Q : ต้องการใบแจ้งยอดเงิน สามารถดาวน์โหลดหรือรับได้ที่ไหน
- A : สามารถดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงินในรูปแบบ e-Statement ได้ด้วยตนเองผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่ อีเมล My GPF Application LINE กบข. และ My GPF Website
Q : หาไฟล์ e-Statement ในอีเมลไม่เจอ ต้องทำอย่างไร?
- A : หากไม่พบไฟล์ในอีเมลที่กล่องจดหมายขาเข้า (Inbox) แนะนำให้ตรวจสอบอีเมลได้ที่กล่องจดหมายสแปม (Spam) หรือ อีเมลขยะ (Junk Mail) หากไม่พบไฟล์ สามารถดาวน์โหลดได้ด้วยตนเองผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้
  1. My GPF Application กดที่รวม Menu จากนั้นเลือก “ดาวน์โหลด / e-statement"
  2. LINE กบข. @gpfcommunity เมนู “ดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงิน”
  3. My GPF Website (https://mygpf.gpf.or.th) กดที่รวม Menu จากนั้นเลือก “ดาวน์โหลด / e-statement"
Q : รหัสเปิดไฟล์ e-Statement คืออะไร?
- A : รหัสเปิดไฟล์ e-Statement คือ วันเดือนปี (พ.ศ.) เกิดของสมาชิกหรือผู้ออมต่อ ตัวอย่าง สมมติเกิดวันที่ 5 มกราคม 2528 รหัสผ่าน คือ 05012528
Q : ต้องการรับใบแจ้งยอดเงินแบบกระดาษเหมือนเดิม ต้องทำอย่างไร?
- A : สามารถแจ้งความประสงค์ขอรับใบแจ้งยอดเงินแบบกระดาษภายในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปีที่ My GPF Application ทั้งนี้ หากปีใดสมาชิกหรือผู้ออมต่อไม่ได้แจ้งความประสงค์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม กบข. จะจัดส่งใบแจ้งยอดเงินให้สมาชิกหรือผู้ออมต่อในรูปแบบ e-Statement
Q : ไฟล์ e-Statement เหมือนกับใบแจ้งยอดเงินแบบกระดาษหรือไม่?
- A : ข้อมูลใน e-Statement เหมือนกับข้อมูลในใบแจ้งยอดเงินแบบกระดาษทุกประการ ดังนั้น สมาชิกสามารถนำ e-Statement เป็นข้อมูลในการวางแผนการออมกับ กบข. หรือใช้เป็นข้อมูลประกอบการลดหย่อนภาษีประจำปีได้

บัตรสมาชิก

การออมเพิ่ม

Q : สมาชิกออมเพิ่มกับ กบข. แล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการออมได้หรือไม่
- A :สามารถทำได้ มากกว่าปีละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ การหักเงินสะสมส่วนเพิ่ม (ออมเพิ่ม) จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของส่วนราชการเจ้าสังกัดที่จะดำเนินการให้ตามความเหมาะสม
Q : สมาชิกต้องการออมเพิ่มกับ กบข. จะทำอย่างไร
- A : สมาชิกสามารถแจ้งออมเพิ่มได้ผ่านช่องทางดังนี้
  1. กรอกแบบแจ้งความประสงค์ในการสะสมเงินส่วนเพิ่ม แล้วจัดส่งแบบแจ้งความประสงค์ฯ และส่งเจ้าหน้าที่การเงินหน่วยงานต้นสังกัดของท่าน เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยไม่ต้องจัดส่งเอกสารมาที่ กบข. (ซึ่งเป็นวิธีที่เร็วที่สุด)
  2. ผ่าน Application บนมือถือ ผ่านบริการ My GPF Application เมนู “ออมเพิ่ม”
  3. ผ่านเว็บไซต์ กบข. ผ่านบริการ My GPF Website เมนู “ออมเพิ่ม”
  4. ผ่านบริการ LINE กบข. @GPFCommunity เมนู “ออมเพิ่ม”
  สำหรับการแจ้งความประสงค์ออมเพิ่มผ่านบริการ LINE กบข. My GPF Website และ My GPF Application กบข.จะส่งข้อมูลของสมาชิกไปยังส่วนราชการต้นสังกัดในเดือนถัดไป เพื่อให้เจ้าหน้าที่กองการเงินของหน่วยงานดำเนินการหักเงินสะสมส่วนเพิ่มตามความประสงค์ของสมาชิก
Q : ถ้าออมเพิ่มแล้ว จะสมทบเงินให้ด้วยหรือไม่
- ไม่มีการสมทบเพิ่ม รัฐยังคงส่งเงินให้เท่าเดิม คือเงินสมทบ 3% และเงินชดเชย 2%
Q : สมาชิกที่ออมเพิ่มจะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง
- A : สมาชิกได้รับสิทธิประโยชน์ดังนี้
  1. ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในส่วนของเงินสะสม และเงินออมเพิ่มที่นำส่งเข้ามายังกองทุน ทั้งนี้จะได้รับการยกเว้นภาษีไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและประกันแบบบำนาญในปีภาษีนั้น
  2. ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากจำนวนเงินที่ออมเพิ่ม ซึ่งจะเป็นไปตามอัตราผลประกอบการในแต่ละปี
Q : สมาชิกสามารถขอเงินออมเพิ่มคืนก่อนออกที่จะออกจากราชการได้หรือไม่
- ไม่สามารถทำได้ สมาชิกจะได้รับเงินออมเพิ่มคืนเมื่อสมาชิกออกจากราชการ

การออมต่อ

Q : ต้องการออมต่อกับ กบข. จะต้องทำอย่างไรบ้าง
- A : สมาชิกติดต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อกรอกแบบฟอร์มขอรับเงินคืน แบบ กบข. รง 008/1/2555 ระบุเลือกวิธีการบริหารต่อ ซึ่ง กบข. มีให้สมาชิกเลือกอยู่ 4 แนวทางคือ
  - แนวทางที่ 1 ฝากต่อทั้งจำนวน
  - แนวทางที่ 2 ขอทยอยรับเงินเป็นงวดๆ
  - แนวทางที่ 3 ขอรับเงินบางส่วน ส่วนที่เหลือขอทยอยรับ
  - แนวทางที่ 4 ขอรับเงินบางส่วน ส่วนที่เหลือฝากต่อทั้งจำนวน
  จากนั้นจัดเอกสารดังกล่าวผ่านเจ้าหน้าที่หน่วยงานต้นสังกัดเพื่อตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูล และจัดส่งให้ กบข. ต่อไป
Q : หลักเกณฑ์การออมต่อเป็นอย่างไร
- A : หลักเกณฑ์การออมต่อคือ
  1. ยอดเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า 35,000 บาท ณ วันที่ยื่นคำขอ โดยมีเอกสารหลักฐานถูกต้องครบถ้วน
  2. ยอดเงินขั้นต่ำรายงวดไม่ต่ำกว่างวดละ 3,000 บาท
  3. กบข. จะโอนเข้าบัญชีธนาคารเพียงวิธีเดียวเท่านั้น
  4. กรณีผู้บริหารต่อเสียชีวิต กบข. จะจ่ายให้ผู้จัดการมรดกเท่านั้น โดยใช้เอกสารประกอบการขอรับเงินคืน คือสำเนาคำสั่งศาลตั้งผู้จัดการมรดก และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากของผู้จัดการมรดก
Q : การเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการบริหารต่อจะต้องทำอย่างไร
- A : สมาชิกสามารถเปลี่ยนแปลงจำนวนเงิน หรือเปลี่ยนแปลงความถี่ในการรับเงินคืนปีละ 2 ครั้งตามปีปฏิทิน โดยเลือกดำเนินการดังนี้
  - กรอกแบบแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้แจ้งความประสงค์ให้กองทุนบริหารต่อหรือทยอยรับเงิน (แบบ กบข. บต 002/2555) เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินหรือความถี่ในการขอรับเงินนอกเหนือจากที่กำหนด ให้เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. พิจารณาเป็นรายกรณี
  - ผ่าน Application บนมือถือ ที่บริการ My GPF Application โดย เลือก “บัญชีของฉัน” เมนู “รายละเอียดการออมต่อ”

วิธีการขอรับเงินคืน

Q : การขอรับเงินคืนจาก กบข. จะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
- A : เอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้
  1. กรณีสมาชิกไม่มีสิทธิรับบำเหน็จบำนาญ / รับบำเหน็จจากทางภาครัฐ ใช้เอกสารประกอบการขอรับเงิน ดังนี้
    - แบบขอรับเงินคืน แบบ กบข. รง 008/1/2555
    - สำเนาคำสั่งออก พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับรองสำเนาถูกต้อง
    - สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
  2. กรณีสมาชิกรับบำนาญจากทางภาครัฐ ใช้เอกสารประกอบการขอรับเงิน ดังนี้
    - แบบขอรับเงินคืน แบบ กบข. รง 008/1/2555
    - สำเนาคำสั่งออก พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับรองสำเนาถูกต้อง
    - สำเนาหนังสือสั่งจ่ายบำนาญสมาชิก กบข. พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับรองสำเนาถูกต้อง
    - สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
  3. กรณีสมาชิกเสียชีวิต สามารถดำเนินการได้ 2 กรณี คือ
    - กรณีผู้รับเงินเป็นทายาทโดยธรรม
      - แบบ กบข.รง.008/2/2562
      - สำเนาคำสั่งออก พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับรองสำเนาถูกต้อง
      - สำเนาใบมรณะบัตรของสมาชิก พร้อมทายาทรับรองสำเนาถูกต้อง
      - แบบ ป.ค.14 (แบบบันทึกสอบปากคำทายาท) ตามแบบที่ กบข. กำหนด ตามจำนวนทายาทผู้มีสิทธิ-รับเงิน โดยทายาททุกรายจะต้องไปสอบปากคำ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตได้ทุกแห่ง
      - สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก พร้อมทายาทเจ้าของบัญชีรับรองสำเนาถูกต้อง
      - หลักฐานเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)
    - กรณีผู้รับเงินเป็นผู้จัดการมรดก
      - แบบ กบข.รง.008/2/2562
      - สำเนาคำสั่งออก พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับรองสำเนาถูกต้อง
      - คำสั่งศาลตั้งผู้จัดการมรดก ฉบับเจ้าหน้าที่ศาลรับรองสำเนาถูกต้อง
      - สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากพร้อมผู้จัดการมรดกรับรองสำเนาถูกต้อง