อย่างที่ทราบกันดีว่าผลตอบแทนที่ได้รับจากการฝากเงินไว้ที่ธนาคารนั้นอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก หรืออาจจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงทำให้หลายคนเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ๆ ที่ทำให้เงินงอกเงยขึ้น การลงทุนจึงเป็นทางออกและทางเลือกที่น่าสนใจอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น กองทุนรวม และสินทรัพย์ทางเลือกอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่มากกว่า
แล้วเงินที่มีควรนำไปลงทุนเมื่อไหร่ ใช้กลยุทธ์อย่างไรเพื่อให้เหมาะกับเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งแต่ละคนมีเป้าหมายแตกต่างกัน การลงทุนที่เหมาะสมของแต่ละคนก็ย่อมที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนจะเริ่มลงทุนเรามาทำความรู้จักรูปแบบหรือกลยุทธ์การลงทุนเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจกันก่อน
โดยทั่วไปรูปแบบในการลงทุนที่เป็นที่นิยมหลักๆ จะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ
1. การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนหรือทยอยการลงทุน Dollar Cost Average (DCA)
2. การลงทุนแบบจับจังหวะการลงทุน Market Timing
การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนหรือทยอยการลงทุน Dollar Cost Average (DCA) คือ การลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กันในแต่ละงวด การลงทุนอาจกำหนดความถี่ เช่น รายปี รายไตรมาส หรือรายเดือน ส่วนมากที่นิยมกันจะใช้เป็นรายเดือน โดยไม่สนใจราคาของสินทรัพย์ที่ลงทุนหรือราคาของหน่วยลงทุนจะเป็นอย่างไร
ข้อดีของ DCA
ข้อควรระวัง
การลงทุนแบบ DCA เหมาะกับใคร
การลงทุนแบบจับจังหวะการลงทุน Market Timing คือ การลงทุนด้วยการเลือกจังหวะหรือหาเวลาลงทุนที่ดีที่สุด เช่น พยายามหาโอกาสซื้อหุ้นในราคาต่ำเพื่อเข้าลงทุน ด้วยการประเมินทิศทางการตลาดโดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหรือปัจจัยด้านเทคนิค จากนั้นนำผลที่ได้จากการวิเคราะห์มาประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุน
ข้อดี
ข้อควรระวัง
การลงทุนแบบ Market Timing เหมาะกับใคร
แล้วแบบไหนดีกว่ากัน ระหว่าง DCA กับ Market Timing
ในด้านของผลตอบแทนและความเสี่ยง การลงทุนแบบ Market Timing มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าในบางจังหวะ หากผู้ลงทุนสามารถจับจังหวะได้แม่นยำ แต่ก็มีโอกาสขาดทุนได้มากกว่าเมื่อเข้าผิดจังหวะ ส่วนการลงทุนแบบ DCA แม้จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าในบางจังหวะ แต่ในระยะยาวก็สามารถถัวเฉลี่ยต้นทุนหรือช่วยลดความเสี่ยงจากการเข้าลงทุนผิดจังหวะได้ หากตลาดขาลงก็ทำให้ขาดทุนน้อยกว่าด้วยเช่นกัน
ในด้านของจำนวนเงินลงทุนแบบ DCA เป็นการลงทุนแบบต่อเนื่องใช้เงินลงทุนแต่ละครั้งจำนวนไม่มาก เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนหรือต้องการสะสมเงินลงทุนสม่ำเสมอหรือต้องการเฉลี่ยต้นทุนจากการลงทุน ส่วนการลงทุนแบบ Market Timing เป็นการลงทุนด้วยเงินก้อน เหมาะกับผู้ที่มีความพร้อมและต้องการรอจังหวะลงทุนตามที่ต้องการ
จริงๆ แล้วทั้ง 2 รูปแบบนี้มีข้อดีและข้อควรระวังที่แตกต่างกันออกไป การจะเลือกกลยุทธ์รูปแบบไหนขึ้นอยู่กับความพร้อมของเงินและความพร้อมของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะอาจจะเลือกรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรืออาจเลือกใช้วิธีการลงทุนโดยการผสมกันทั้ง 2 รูปแบบในการเข้าลงทุนเลยก็ได้ สำหรับสมาชิก กบข. การนำส่งเงินลงทุนเข้ามาที่ กบข. สม่ำเสมอทุกเดือน เป็นการลงทุนแบบ DCA ซึ่งช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนและเหมาะกับการลงทุนระยะยาว ส่วนสมาชิกท่านใดที่มีเงินก้อนหรือมีความพร้อมด้านการลงทุนอาจพิจารณาเลือกลงทุนแบบ Market Timing ในกองทุนรวมหรือลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากสามารถซื้อหรือขายจับจังหวะที่ต้องการได้ ที่สำคัญไม่ว่าจะเลือกรูปแบบการลงทุนแบบไหน อย่าลืมว่าทุกการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนการตัดสินใจลงทุนและเลือกรูปแบบการลงทุนให้เหมาะกับแต่ละเป้าหมาย