ตั้งแต่ต้นปี 2563
เป็นต้นมามีสถานการณ์ต่างๆที่กระทบกับการลงทุนเกิดขึ้นมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นนโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน และ การระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ทำให้เกิดความกังวลไปทั่วโลก ตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงช่วงต้นเดือนมีนาคม
(YTD) ปรับตัวลดลงไปในทิศทางเดียวกัน
โดยตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ยุโรป และญี่ปุ่น ปรับตัวลดลงกว่า 10%
ส่วนเศรษฐกิจไทยที่มีแรงกดดันจากหนี้ภาคครัวเรือนอยู่แล้ว
ยังได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นอีก
ส่งผลต่อการท่องเที่ยวและการส่งออกซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจไทย
ทำให้สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจของสถาบันการเงินต่าง ๆ
มีการปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2563 ลดลง
ตลาดหุ้นไทย (SET Index) ก็ปรับตัวลดลงกว่า 15%
สำหรับตราสารหนี้ตั้งแต่ต้นปีมาไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ
อีกทั้งมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายทำให้ผลตอบแทนจากตราสารหนี้บวกมาประมาณ 1-2% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี
ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำบวกขึ้นมาแรงพอสมควร
โดยตั้งแต่ต้นปีกองทุนทองคำบวกไปแล้วกว่า 10% ซึ่งสภาวะความผันผวนเช่นนี้สร้างผลกระทบกับผู้ลงทุนแต่ละคนมากน้อยขึ้นอยู่กับสัดส่วนการลงทุนที่ถือครอง
คำแนะนำด้านการลงทุนสำหรับสมาชิก กบข.
ที่ใกล้เกษียณ
และจำเป็นต้องการถอนเงินใช้เมื่อเกษียณไม่ต้องการรับความผันผวนในระยะสั้น
อาจพิจารณาเลือกแผนการลงทุนโดยลดสัดส่วนหุ้นลง เพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ให้มากขึ้น
โดยสมาชิกอาจพิจารณาเปลี่ยนแผนลงทุนเป็นแผนตราสารหนี้หรือแผนตลาดเงิน
เพื่อรักษามูลค่าเงินไม่ให้ผันผวนมากนัก
ส่วนสมาชิกที่ใกล้เกษียณแต่สามารถรับความเสี่ยงได้และยังไม่มีแผนถอนเงินใช้
เมื่อเกษียณแล้วก็มีแผนที่จะออมต่อกับ กบข. สามารถเลือกแผนหลัก
ที่มีสัดส่วนหุ้นประมาณ 20%
หรือแผนสมดุลตามอายุที่มีการปรับลดสัดส่วนหุ้นลงตามอายุสมาชิกที่มากขึ้นทุกปี
ตัวอย่างเช่น สมาชิกที่มีอายุ 58 ปี เลือกแผนสมดุลตามอายุ 60 จะมีสัดส่วนหุ้นประมาณ 12%
และเมื่อสมาชิกอายุเพิ่มเป็น 59 ปี มีสัดส่วนหุ้นเหลือประมาณ
10%
ซึ่งการมีสัดส่วนหุ้นอยู่บ้างก็เพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น
สำหรับสมาชิก กบข. ที่อายุน้อย
มีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนาน หรือสมาชิกที่ไม่กังวลต่อความผันผวนระยะสั้น มุ่งหวังผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ก็อาจเลือกแผนการลงทุนเป็น แผนหลัก แผนผสมหุ้นทวี หรือแผนสมดุลตามอายุ
โดยช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง
ก็จะสามารถสะสมหน่วยลงทุนได้มากขึ้นในขณะที่ส่งเงินสะสมเท่าเดิม
อีกทั้งนโยบายการลงทุนของแผนหลัก แผนผสมหุ้นทวี หรือแผนสมดุลตามอายุ
เป็นแผนที่มีการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างๆ หลากหลาย เช่น
ตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน ตราสารทุนหรือหุ้น อสังหาริมทรัพย์ และ
โครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ยังมีการกระจายความเสี่ยงโดยเลือกตราสารการลงทุนต่างๆ
ดังกล่าวข้างต้นของทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลกอีกด้วย
จากเหตุการณ์ต่างๆ
ทำให้รู้ว่าการกระจายความเสี่ยง (Diversification) สำหรับการลงทุนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเพื่อการเกษียณซึ่งเป็นการลงทุนในระยะยาว
ควรต้องลงทุนให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อแต่ทั้งนี้ต้องเหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้
ยิ่งตลาดหุ้นผันผวนขึ้นลงอย่างรุนแรง การกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในตราสารหนี้
และการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากจะเป็นการลดความเสี่ยง (Risk)
ของการลงทุนแล้ว
สินทรัพย์เหล่านี้ยังช่วยประคับประคองผลตอบแทนได้ในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นไม่แน่นอนได้อีกด้วย
สมาชิกสามารถเลือกแผนลงทุนได้ด้วยตนเองที่ My
GPF app เมนู “เลือกแผนการลงทุน” หรือ
ขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกแผนการลงทุน
โดยนัดหมายศูนย์ข้อมูลการเงิน กบข. ได้ที่ My GPF app เมนู
“นัดหมายบริการข้อมูลการเงิน” หรือส่ง E-Mail : fa@gpf.or.th
เว็บไซต์ของ กบข. มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยจะทำให้ กบข. เข้าใจลักษณะการใช้งานเว็บไซต์ของ กบข. ของท่าน และทำให้เว็บไซต์ของ กบข. เข้าถึงได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของ กบข. นี้จะถือว่าท่านได้อนุญาตให้ กบข. ใช้คุกกี้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้