การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว หลายธุรกิจต้องหยุดทำการชั่วคราว
ทำให้ประชาชนบางส่วนต้องหยุดงาน ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ต้องสูญเสียรายได้
ในขณะที่ยังคงมีค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตและมีภาระหนี้ที่ต้องชำระ
ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ออกโครงการพักชำระหนี้
ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงเดือนเมษายน
เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เช่น
มาตรการลดยอดผ่อนชำระหนี้ต่อเดือน เลื่อนกำหนดการจ่ายหนี้ออกไป โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้และไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิตบูโร
โดยรูปแบบมาตรการบรรเทาภาระหนี้แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของหนี้สินและเงื่อนไขของสถาบันการเงิน
ถ้าเป็นสินเชื่อบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลจะเป็นการลดยอดผ่อนชำระขั้นต่ำต่อเดือนจากเดิมร้อยละ
10 มาอยู่ที่ร้อยละ 5 ของยอดหนี้คงเหลือ
และหากเป็นสินเชื่อที่ต้องผ่อนชำระรายเดือน เช่น
สินเชื่อบ้านก็มีทั้งแบบพักชำระเงินต้น (จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยเท่านั้น)
หรือพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
รวมถึงอาจมีการลดดอกเบี้ยและขยายเวลาการชำระหนี้ (เป็นรายกรณีไป)
โดยแต่ละสถาบันการเงินอาจให้ระยะเวลาการพักชำระหนี้นาน 3-12
เดือน มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้กู้จ่ายค่างวดลดลงส่งผลให้มีสภาพคล่องมากขึ้น
มีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากขึ้น
และเมื่อพ้นระยะเวลาพักชำระหนี้หรือเมื่อสถานการณ์คลี่คลายสภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น
จึงค่อยทยอยกลับมาชำระหนี้ที่พักไว้ให้กับธนาคารต่อไป
เพื่อความเข้าใจมากขึ้นขอยกตัวอย่างการจ่ายชำระหนี้จากธนาคารแห่งประเทศไทย
ถ้ามียอดหนี้อยู่ 1,000,000 บาท
กรณีที่ 1 ชำระแบบปกติ
ไม่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้
ผ่อนเดือนละ 10,000
บาท (เป็นดอกเบี้ย 6,000 บาทและเป็นเงินต้น 4,000 บาท) หากเราผ่อนชำระปกติไป 6 เดือน
ยอดหนี้คงเหลือจะอยู่ที่ 976,000 บาท
และที่สำคัญไม่ต้องมียอดเงินที่พักรอไว้จ่ายหลังพ้นระยะของโครงการ
กรณีที่ 2 เข้าร่วมโครงการพักชำระเงินต้น
(จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย)
ผ่อนดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาทไป 6 เดือน ยอดหนี้คงเหลือ 1,000,000 บาท เราต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนรวมกัน 36,000 บาท
(6,000 คูณ 6 เดือน) โดยยอดหนี้ 1,000,000 บาทไม่ลดลงเลย
ดังนั้นดอกเบี้ยที่ต้องชำระของงวดต่อไปจะคำนวณจากหนี้คงค้าง 1,000,000 บาท เหมือนเดิม
กรณีที่ 3
เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
ไม่ต้องผ่อนชำระหนี้ธนาคารเป็นระยะเวลา 6 เดือน และเมื่อครบระยะเวลา 6
เดือนยอดหนี้จะกลายเป็น 1,036,000 บาท
ยอดหนี้ที่พักไว้ผู้กู้จะต้องทยอยจ่ายซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่สถาบันการเงินกำหนดไว้
ก็จะเพิ่มยอดภาระจ่ายหนี้รายงวดหลังพ้นโครงการจนกว่าจะชำระยอดคงค้างหมด
จะเห็นได้ว่าการพักชำระหนี้แม้ว่าจะจ่ายค่างวดลดลงในช่วงที่เข้าร่วมโครงการ
แต่ดอกเบี้ยในช่วงที่พักชำระหนี้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้กู้จะต้องจ่ายเมื่อระยะพักชำระหนี้สิ้นสุดลงหรือจ่ายต่อจากงวดการผ่อนสุดท้ายตามสัญญาเงินกู้นั้น
ๆ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคาร
ก่อนพิจารณาเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ผู้กู้ควรประเมินสถานการณ์การเงินของตนเองให้ดีก่อนตัดสินใจ
ถ้าสามารถบริหารจัดการเงินได้ด้วยการปรับลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นได้หรือไม่มีปัญหาขาดสภาพคล่องมากนัก
แนะนำให้จ่ายชำระหนี้แบบปกติ แต่หากขาดสภาพคล่องจนไม่สามารถชำระหนี้ได้
ก็ควรรีบติดต่อสถาบันการเงินเพื่อเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้
จะได้ไม่ให้เสียประวัติผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสถาบันการเงินจะพิจารณาอนุมัติหรือไม่นั้นเป็นไปตามเงื่อนไขของธนาคารที่กำหนดไว้
ที่สำคัญหากเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้แล้วควรวางแผนการจ่ายหนี้ที่พักไว้หลังจากพ้นระยะผ่อนผัน
เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาหนี้พัวพันต่อเนื่องในอนาคต
หากติดต่อกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้แล้ว
แต่ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ หรือข้อเสนอลูกหนี้ไม่ได้รับการพิจารณา
แนะนำให้ติดต่อไปยัง ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.)
โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งได้เปิดช่องทางเสริมที่เรียกว่า “ทางด่วนแก้หนี้”
สำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงเงื่อนไขหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ หรือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม
โดยโครงการนี้เป็นตัวกลางสำหรับการติดต่อและหาข้อตกลงร่วมกันให้กับเจ้าหนี้และลูกหนี้
ไม่ว่าจะเป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินใด ประเภทวงเงินไหน
ทั้งที่มีสถานะปกติหรือเป็นหนี้เสีย (NPL) หรือแม้ปรับโครงสร้างหนี้แล้วแต่ประสบปัญหาในช่วงนี้อีก
ก็สามารถส่งคำขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางนี้ได้
ในช่วงวิกฤตแบบนี้ทุกภาคส่วนล้วนร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่เพื่อที่เราจะได้ผ่านพ้นวิกฤตโควิดนี้ไปด้วยกันนะครับ
สำหรับสมาชิก กบข. ที่ต้องการปรึกษาเรื่องการจัดการหนี้
หรือสอบถามเงื่อนไขสินเชื่อของสถาบันการเงินต่าง ๆ
สามารถนัดหมายศูนย์ข้อมูลการเงิน กบข. ได้ที่ My GPF Applicationเมนู
“นัดหมายบริการข้อมูลการเงิน” หรืออีเมล fa@gpf.or.th
เว็บไซต์ของ กบข. มีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยจะทำให้ กบข. เข้าใจลักษณะการใช้งานเว็บไซต์ของ กบข. ของท่าน และทำให้เว็บไซต์ของ กบข. เข้าถึงได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของ กบข. นี้จะถือว่าท่านได้อนุญาตให้ กบข. ใช้คุกกี้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้