"ศาสตร์แห่งตัวเลข" เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้น ทุกอย่างที่เป็นตัวเลขไม่ว่าจะเป็นเลขที่บ้าน ทะเบียนรถ เบอร์โทรศัพท์ หรือแม้กระทั่งรูปพักหน้าจอบนมือถือของหลายๆ คน ก็ยังมีตัวเลขประกอบอยู่ นั่นเป็นเพราะความเชื่อว่าตัวเลขบางตัวจะสามารถช่วยเสริมดวงชะตาให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ซึ่งในทางการเงินนั้นก็มีตัวเลขที่น่าสนใจ ซึ่งฉบับนี้จะมาแนะนำตัวเลขมหัศจรรย์สำหรับสมาชิกที่อยากจะเน้นเรื่องความมั่งคั่ง พร้อมเอาใจสาวกสายมูที่มีความเชื่อในอิทธิพลของตัวเลข รับรองว่าความมหัศจรรย์นี้จะช่วยให้เงินออมเพิ่มขึ้นได้เป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
เลขมหัศจรรย์ที่ว่านั่นก็คือเลข 72 หรือที่เรียกกันว่า “กฎตัวเลข 72” (The Rule of 72) ที่ถูกคิดค้นโดย อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ตัวเลขที่จะทำให้เรารู้ว่าจะสามารถมั่งคั่งขึ้นได้ในเวลากี่ปีนั่นเอง
“กฎตัวเลข 72” เป็นตัวที่จะบอกว่า... จะต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใดที่เงินออมหรือเงินลงทุนก้อนแรกนั้นจะโตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ณ อัตราผลตอบแทนที่กำหนด หรือหากต้องการให้เงินโตเป็น 2 เท่าภายในระยะเวลาที่กำหนดจะต้องออมเงินด้วยอัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีเท่าไหร่ โดยใช้ตัวเลข 72 ในการคำนวณนั่นเอง
สูตรการคำนวณมี 2 วิธี
วิธีที่ 1 การหาจำนวนปีที่เงินออมหรือลงทุนจะกลายเป็น 2 เท่า
ตัวอย่างที่ 1 สมมุติว่ามีเงินออม 100,000 บาท ได้รับอัตราผลตอบแทนที่ 4% ต่อปี ระหว่างทางไม่มีการถอนเงินออกเลย เงินจะเพิ่มให้เป็น 200,000 บาท ในอีก 18 ปีข้างหน้า (คำนวณจาก 72÷4 = 18) แต่ถ้าเพิ่มอัตราผลตอบแทนที่ 6% ต่อปี ก็จะใช้เวลาแค่ 12 ปี ที่เงินจะเพิ่มเป็น 200,000 บาท (คำนวณจาก 72÷6 = 12)
และนอกจากกฎตัวเลข 72 จะใช้คำนวณหาจำนวนปีของการออมหรือลงทุนได้แล้ว ยังสามารถนำมาปรับใช้กรณีสินเชื่อหรือเงินกู้ได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น กู้เงินด้วยบัตรเครดิตมา 30,000 บาท เสียดอกเบี้ยเงินกู้ 18% ต่อปี หากไม่มีการชำระเลยหนี้จำนวน 30,000 บาท ของเราก็จะพอกพูนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของเงินกู้ หรือเท่ากับ 60,000 บาท ในอีก 4 ปีข้างหน้า (คำนวณจาก 72÷18 = 4)
วิธีที่ 2 การหาอัตราผลตอบแทนที่เงินออมหรือลงทุนจะกลายเป็น 2 เท่า
ตัวอย่างที่ 2 สมมุติว่ามีเงินออม 100,000 บาท มีระยะเวลา 10 ปี อยากให้เงินเพิ่มเป็น 200,000 บาท ต้องนำเงินไปออมหรือลงทุนให้ได้อัตราผลตอบแทนปีละ 7.2% (คำนวณจาก 72÷10 = 7.2)
อีกหนึ่งสิ่งที่มีความสัมพันธ์กับตัวเลข 72 นั่นก็คือ “พลังดอกเบี้ยทบต้น” ซึ่งอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้ยกให้ “ดอกเบี้ยทบต้น” เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก ดังคำที่เคยกล่าวไว้ว่า “The most powerful force in the universe is compound interest” ซึ่งหมายความว่า “พลังที่ทรงพลังมากที่สุดในจักรวาลคือ พลังดอกเบี้ยทบต้น” แม้ว่าเงินก้อนจะเท่ากัน แต่หากเราเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ต่างกัน ก็จะทำให้ผลตอบแทนและระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายแตกต่างกัน
ดอกเบี้ยทบต้น (Compound interest) คือการเอาดอกเบี้ย หรือผลตอบแทนที่ได้รับจากการออมในแต่ละปี กลับเข้าไปออมต่อ หรือทบผลตอบแทนรวมไปในเงินต้นเดิมซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าตัวเงินต้นให้เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ แล้วใช้เป็นเงินต้นใหม่เพื่อคำนวนผลตอบแทนในปีถัดไป การที่เงินต้นยิ่งเพิ่มสูงขึ้นทำให้ได้ผลตอบแทนมากขึ้น แต่ถ้าลองเปลี่ยนจากการออมเงินมาเป็นการลงทุนแทน ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ การลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยพลังของดอกเบี้ยทบต้นก็จะยิ่งทำให้ได้รับผลตอบแทนเพิ่มทวีคูณมากขึ้นไปเรื่อยๆ และสามารถทำให้เรามีโอกาสที่จะมีสถานะการเงินที่มั่งคั่ง หรือใช้ชีวิตแบบสบายๆ ตลอดชีวิตวัยเกษียณได้ไม่ยาก
ตัวอย่างที่ 3 สมมุติลงทุนเงิน 10,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 4% มาดูกันว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปีเป็นอย่างไร
สิ้นปีที่ 1 เงินต้น 10,000 บาท + ผลตอบแทน 400 บาท (10,000+4%) เงินจะเพิ่มเป็น 10,400 บาท
สิ้นปีที่ 2 เงินต้น 10,400 บาท + ผลตอบแทน 416 บาท (10,400+4%) เงินจะเพิ่มเป็น 10,816 บาท
สิ้นปีที่ 3 เงินต้น 10,816 บาท + ผลตอบแทน 432 บาท (10,816+4%) เงินจะเพิ่มเป็น 11,248 บาท
วิธีที่จะทำให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดจากดอกเบี้ยทบต้นต้องอาศัยปัจจัยที่สำคัญหลักๆ มีอยู่ 3 ปัจจัยคือ การลงทุนในระยะยาว การนำดอกเบี้ยไปลงทุนต่อ (Reinvest) และการเพิ่มเงินลงทุนสม่ำเสมอในทุกๆ เดือน รู้แบบนี้แล้ว มาเริ่มลงมือออมกันได้เลย ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะยิ่งมีระยะเวลาออมนานดอกเบี้ยทบต้นก็จะยิ่งเบ่งบานจนเงินออมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย ซึ่ง “กฎตัวเลข 72” ก็ใช้หลักการคำนวณผลตอบแทนของดอกเบี้ยทบต้นด้วยเช่นกัน
สร้างเงินก้อนเล็กให้เป็นเงินล้านด้วยเงิน กบข.
แม้ว่าพลังของดอกเบี้ยทบต้นจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มทวีคูณมากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วบนเส้นทางการลงทุนมักจะไม่ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนเช่นเดียวกันทุกปี เพราะบางปีเราอาจต้องเจอกับความผันผวนของผลตอบแทน ทำให้ได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าที่คาดหวัง หรือได้มากกว่าบ้าง และติดลบบ้างเฉลี่ยกันไป ทำให้เกิดความกล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สำหรับคนที่เริ่มด้วยเงินลงทุนน้อยๆ ทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการลงทุนที่ง่าย และใกล้ตัวที่สุดก็คือการลงทุนกับ กบข. ซึ่งมีลักษณะการลงทุนที่มีหลักการคล้ายกับดอกเบี้ยทบต้น ที่เกิดจากการสะสมมูลค่าเงินลงทุนทบต้นทบดอกไปเรื่อยๆ ทุกเดือนไปจนถึงวันเกษียณ เน้นลงทุนต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งเงินที่ถูกหักเข้ามาสะสมทุกๆ เดือน กบข. จะนำไปลงทุนให้ตามแผนการลงทุนที่สมาชิกเลือก เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และเพื่อให้ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นมากที่สุด เราจึงสามารถเร่งการทำงานของดอกเบี้ยทบต้นได้ด้วยการใส่เงินลงทุนเพิ่ม ได้ด้วย “บริการออมเพิ่ม” นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันสมาชิก กบข. สามารถออมเพิ่มตามความสมัครใจหรือตามกำลังที่เราไหวได้อีก 1-12% ของเงินเดือน และอีกไม่นานเมื่อการแก้กฎหมาย กบข. ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ก็จะสามารถออมเพิ่มได้สูงสุดถึง 27% ของเงินเดือนเลยทีเดียว เพียงเท่านี้ก็จะทำให้มีเงินออมมากขึ้น จากเงินก้อนเล็กๆ ก็มีโอกาสที่เราจะมีเงินออมเป็นหลักล้านเพื่อใช้ในยามเกษียณได้อย่างที่ต้องการ
เมื่อได้ทำความเข้าใจแล้ว เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “พลังของดอกเบี้ยทบต้น” นั้นช่วยผ่อนแรงในการออมหรือการลงทุนให้ถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ส่วนจะใช้เวลาเท่าไหร่ที่เงินออมหรือเงินลงทุนจะเพิ่มเป็น 2 เท่า ก็สามารถวางแผนได้ด้วยการคำนวณตาม “กฎตัวเลข 72” ที่จะช่วยทำให้เราวางแผนเพิ่มความมั่งคั่งได้ และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการชำระหนี้ได้อีกด้วย ซึ่งหากไม่มีการชำระหนี้เลย หนี้ของเราก็จะพอกพูนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของเงินกู้ในเวลาเพียงไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อหรือเงินกู้มีอัตราที่สูง ส่งผลให้เราจ่ายดอกเบี้ยแบบเพิ่มพูน และเป็นตัวร้ายดูดเงินจากกระเป๋าได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นก่อนการลงทุนหรือตัดสินใจเป็นหนี้ครั้งใดอย่าลืมนำ “กฎตัวเลข 72” ไปใช้คำนวณเพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนทางการเงินแบบง่ายๆ หรือปรับให้เข้ากับเป้าหมายของตนเอง
*หมายเหตุ: การคำนวณด้วย “กฎตัวเลข 72” และ “ดอกเบี้ยทบต้น” ค่าที่ได้เป็นเพียงการประมาณเท่านั้น